วรรณกรรมไทยที่ได้รับการแปลแล้ว 10 ภาษา
รางวัลซีไรต์ ปี 2549
ผู้เขียน : งามพรรณ เวชชาชีวะ
.....พบกับวรรณกรรม
สร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ประเภทนวนิยาย ประจำปี 2549
“ความสุขของกะทิ”
เนื้อหาในเล่มจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งในสังคมแบบชนบทที่
ดำเนินไปอย่างเนิบช้าและสงบงาม
เป็นชีวิตอย่างที่ผู้คนจำนวนมากในเมืองต่างก็โหยหา
แต่ลึกลงไปในใจของเด็กหญิง แม้จะมีทั้งตาและยายคอยให้ความรักและใส่ใจ
เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ แม่ผู้เก็บความลับในชีวิตของเธอเอาไว้
แม่ผู้บอกเหตุผลได้ว่าทำไมเธอจึงต้องมาอยู่กับตายาย
แทนที่จะอบอุ่นในบ้านที่มีทั้งพ่อและแม่ แม่ผู้จะตอบคำถามในใจของกะทิได้หมด
แม้ว่าบางคำถาม
กะทิจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะรู้หรือไม่ก็ตาม...
หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอ่านง่าน สละสลวย คมคาย เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดูงดงามน่าอยู่ และเนื้อหาที่ลึกซึ้งกินใจ เป็นหนังสือดีอีกเล่มที่คุณไม่ควรพลาด
หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอ่านง่าน สละสลวย คมคาย เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดูงดงามน่าอยู่ และเนื้อหาที่ลึกซึ้งกินใจ เป็นหนังสือดีอีกเล่มที่คุณไม่ควรพลาด
เนื้อเรื่อง:
ความสุขของกะทิ เล่าเรื่องราวของน้องกะทิ เด็กหญิงวัย 9
ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
แม่รู้ตัวดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง
กะทิเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย
มีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น
ผู้เขียน เล่าเรื่องราวของกะทิอย่างเรียบง่าย เนรมิตบ้านริมคลองให้เป็นบ้านในฝัน ที่อบอวลด้วยบรรยากาศอันรื่นรมย์ของอดีต ฉายรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อย ของวิถีชีวิตที่สุขสงบของครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูงให้ผู้อ่านประทับใจ
กะทิมีครอบครัวที่เอาใจใส่ ดูแลกะทิด้วยความรัก และความห่วงใยจากใจจริง เธอมีคุณตาที่เคยเป็นทนาย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากกะทิและครอบครัวได้อยู่เสมอๆ คุณยายของกะทิเป็นคนที่เคร่งครัด และหัวโบราณ แต่ถึงกระนั้นก็สอนกะทิเรื่องต่างๆนานา อะทิเช่น การทำอาหาร การอยู่ในสังคม เป็นต้น พี่ทองเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจกะทิเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิ เพราะว่าพี่ทองเคยช่วยชีวิตกะทิไว้ตอนกะทิเป็นเด็กเล็ก น้าฏา และน้ากันต์ซึ่งเป็นคนที่ห่วงใยกะทิ และคอยหาสิ่งดีๆให้กะทิอยู่เสมอๆ และเป็นคนที่พูดปลอบใจกะทิในยามที่กะทิเศร้าโศกเสียใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควรแต่ก็จัดสิ่งต่างๆไว้ให้กะทิอย่างดิบดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่จากใจ
แต่ในความสุขมีความเศร้า ในวิถีชีวิตที่สุขสงบนี้ กะทิต้องเผชิญประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ต้องสูญเสียแม่ และในความเศร้านั้นก็มีความสุข กะทิไม่คิดจะโหยหาถึงพ่อที่อยู่ไกลโพ้นต่างแดน หากเลือกอยู่ในอ้อมกอดของตากับยาย และผ่านชีวิตอันควรจะทุกข์นั้นด้วยใจที่เข้มแข็ง
เสน่ห์ของนวนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้อยู่ที่กลวิธีการเล่าเรื่อง ที่ค่อยๆ เผยปมปัญหาทีละน้อย ๆ อารมณ์สะเทือนใจจะค่อยๆ พัฒนาและดิ่งลึกในห้วงนึกคิดของผู้อ่าน นำพาให้ผู้อ่านอิ่มเอมกับรสแห่งความโศกอันเกษม ที่ได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ของชีวิตเล็กๆ ในโลกเล็กๆ ของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่ไกลจากชีวิตจริงของเราเลย
ผู้เขียนมีแต่หนังสือ แต่ไม่เคยดูภาพยนตร์ค่ะ
ตอบลบ